ปัจจุบัน ยาที่ใช้รักษาภาวะ ผมร่วง ผมบาง หัวเถิก หัวล้าน จากกรรมพันธุ์ที่มีผลทางการแพทย์พิสูจน์ และผ่านการตรวจสอบจาก FDA (Food and Drug Administation) หรือ อ.ย. อเมริกา ว่าได้ผลในการรักษามีอยู่เพียง 2 ชนิดเท่านั้น คือ
1.ยา ฟิแนสเทอไรด์ (Finasteride) ใช้ได้กับผู้ชายเท่านั้น เพราะยานี้ออกฤทธิ์โดยการลดระดับฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดภาวะ ผมบาง ผมร่วง หัวเถิก หัวล้าน แบบกรรมพันธุ์
DHTเกี่ยวข้องกับการเกิดภาวะ ผมบาง ผมร่วง หัวเถิก หัวล้าน ได้อย่างไร?
ภาวะ ผมบาง ผมร่วง หัวเถิก หัวล้าน จากกรรมพันธุ์ จะเกิดขึ้นได้ จำเป็นต้องมีองค์ประกอบ 2 ส่วน ด้วยกัน คือ
1.กรรมพันธุ์หรือยีน หัวล้าน ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ
2.ฮอร์โมนเพศชาย หรือ Testosterone (T)
ฮอร์โมนเพศชาย ( T ) พบได้ทั้งเพศหญิงและชาย ฮอร์โมนนี้ผลิตจากลูกอัณฑะ และต่อมหมวกไต แล้วจึงเข้าสู่กระแสเลือด ไหลเวียนไปสู่ส่วนต่างๆของร่างกาย ที่หนังศีรษะฮอร์โมนนี้จะถูกเปลี่ยนไปเป็น DHT (Dihydrotestosterone) โดยเอนไซม์ ( enzyme) 5- alpha reductase ซึ่งเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
DHT จะจับกับเซลล์สร้างเส้นผม และออกฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการสร้างเส้นผมปกติ ทำให้เส้นผมใหม่ที่ขึ้นมาทดแทนเส้นผมเดิมที่ร่วงไป มีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆเมื่ออายุมากขึ้น จนในที่สุดเกิดภาวะ ผมบาง และ ศีรษะล้าน ตามมา
ยา ฟิแนสเทอไรด์ (Finasteride) ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ 5- alpha-reductase ทำให้ระดับของ DHT ทั้งในกระแสเลือด และที่เซลล์สร้างเส้นผม ลดลงกว่า 60 % จึงช่วยป้องกันมิให้เส้นผมมีขนาดเล็กลง และยังอาจทำให้เส้นผมมีขนาดโตขึ้นได้อีกด้วย
ผลการรักษามีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการตอบสนองของยาในแต่ละคน จากรายงานทางการแพทย์ระบุว่า Finasteride ทำให้ผมหยุดร่วง และ/หรือ ผมขึ้นใหม่ได้อยู่ระหว่าง 66 -88% Finasteride นับเป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัยและได้ผลดี ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ คือ ความต้องการทางเพศและการแข็งตัวของอวัยวะเพศลดน้อยลง พบได้น้อยกว่า 2 % ผลข้างเคียงอื่นๆซึ่งพบได้รองลงมาคือ ปริมาณน้ำอสุจิลดน้อยลง เจ็บบริเวณเต้านมหรือเต้านมอาจโตขึ้นได้ อาการข้างเคียงต่างๆเหล่านี้จะกลับคืนเป็นปกติเมื่อหยุดใช้ยา หรืออาจหายไปได้เอง แม้ว่ายังกินยาอยู่ก็ตาม ยาตัวนี้ต้องใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานจึงจะเห็นผล โดยทั่วไปแนะนำให้รับประทานยาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี ก่อนที่จะประเมินผลการรักษา และหากใช้ยาแล้วได้ผล จำเป็นต้องใช้อย่างต่อเนื่องตลอดไป เพราะหากหยุดยา เส้นผมที่งอกใหม่ และ/หรือ เส้นผมที่ควรจะหลุดร่วงไป (แต่ไม่ร่วงเพราะฤทธิ์ของยา) จะร่วงไปจนหมด แต่ยานี้ไม่มีผลทำให้ ผมร่วง มากขึ้นกว่าเดิมแต่อย่างใด
ยา ฟิแนสเทอไรด์ (Finasteride) มีชื่อทางการค้าว่า "Propecia" (เม็ดละ 1 มิลลิกรัม)รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละครั้ง ใช้ได้เฉพาะผู้ชาย ผมบาง ผมร่วง หัวเถิกก หัวล้าน ที่มีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์เท่านั้น ยานี้ห้ามใช้ในผู้หญิง (เนื่องจากกลไกการเกิดศีรษะล้านในเพศหญิง ต่างจากเพศชาย) เพราะ นอกจากจะใช้ไม่ได้ผลแล้ว ยังอาจเกิดความผิดปกติของอวัยวะเพศของบุตรในครรภ์ได้ (หากรับประทานยาในขณะตั้งครรภ์) ควรใช้ยานี้ภายใต้การควบคุมของแพทย์ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง
*ปัจจุบัน ยา Finasteride นอกจาก Propecia แล้ว ยังมี Proscar ซึ่งเป็น ยา Finasteride ของนอกผลิตจากบริษัทเดียวกัน ต่างกันที่ Proscar นั้นเป็น Finasteride 5 มิลลิกรัม ผู้รักษาผมร่วงนิยมนำมาตัดแบ่งเป็น 4 ส่วนแล้วแบ่งทาน เนื่องจากราคานั้นเมื่อเทียบกับการทาน Propecia ครั้งละเม็ดนั้น ถูกกว่ากันเกือบเท่าตัว
** นอกจาก Propecia และ Proscar ที่เป็นยา Finasteride ของนอกแล้ว ยังมียา Finasteride ที่ผลิตโดยแบรนด์ของไทยได้แก่ Firide โดยมีขนาดทั้ง 1 มิลลิกรัม และ 5 มิลลิกรัม โดยราคา Finasteride ของไทยนั้นถูกกว่าของนอกเกือบเท่าตัว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้รักษา ว่าจะเลือกตัวยา Finasteride ของนอกหรือของไทย แม้ว่าตัวยาจะเหมือนกัน แต่ก็มีความเชื่อว่ายาออริจินัลหรือยานอกจะดีกว่ายาไทยครับ
2. ยา ไมนอกซิดิล (Minoxidil Lotion) ยานี้มีชื่อทางการค้ามากมาย อาทิเช่น Reten ฯลฯ เนื่องจากผลิตออกจำหน่ายมาเป็นเวลานานกว่า 15 ปี
ยา Minoxidil ลักษณะของยาเป็นน้ำ มีความเข้มข้นตั้งแต่ 2-5 % ใช้ได้ทั้งเพศหญิงและชาย แต่ในผู้หญิงจะได้ผลดีกว่า ใช้ทาที่หนังศีรษะบริเวณที่มีผมเส้นบางๆอยู่ ครั้งละ 1 มิลลิลิตร (ซีซี) วันละ 2 ครั้ง ควรทายาให้โดนที่หนังศีรษะ เพื่อการออกฤทธิ์ของยาที่ดี ยานี้ค่อนข้างปลอดภัย มีการดูดซึมของยาน้อยมาก ขนาดความเข้มข้น 5 % ได้ผลในการรักษาดีกว่าชนิด 2 % แต่พบผลข้างเคียงได้มากกว่า ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยๆ คือ เกิดการระคายเคืองของหนังศีรษะบริเวณที่ทายา อาจมีขนขึ้นตามใบหน้า ซึ่งเมื่อหยุดยาแล้ว อาการดังกล่าวมักหายไปได้เอง ควรใช้ยาติดต่อกัน อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี ก่อนที่จะประเมินผลการรักษา หากใช้แล้วได้ผลจำเป็นต้องใช้ยาตลอดไป หากหยุดยา ผมที่ขึ้นมาใหม่จะหลุดร่วงไป จนกลับสู่สภาพเดิม ในบางราย อาจพบว่ามี ผมร่วง มากขึ้น ในช่วงเริ่มต้น 3-5 สัปดาห์แรกของการใช้ยาเนื่องจากยาไปกระตุ้นให้ผมใหม่งอกขึ้นมา จึงดันผมเดิมให้หลุดร่วงไป
นอกจาก Minoxidil ที่เป็นโลชั่นแบบทาแล้ว ยังมี Minoxidil อีกประเภทนึงคือแบบรับประทาน ซึ่งมีผลข้างเคียงคือ อาจจะทำให้ความดันต่ำ หน้ามืดเป็นลม บวม ในบางคน เนื่องจากยา minoxidil จริงๆ แล้วคือยาลดความดัน เพียงแต่มันมี side effect ทำให้ขนขึ้น ซึ่งไม่ใช่ขึ้นแค่ผมเหมือน Finasteride แต่ขนจะดกขึ้นทั้งตัวครับ ดูแล้วผิดธรรมชาติ และเมื่อหยุดยา ขนที่ขึ้นมาก็จะหลุดออกไป และกลับสู่สภาพเดิมครับ จึงไม่แนะนำ Minoxidil ชนิดรับประทาน สำหรับการรักษาผมร่วง
หน้าที่เข้าชม | 833,422 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 617,085 ครั้ง |
เปิดร้าน | 9 พ.ย. 2556 |
ร้านค้าอัพเดท | 5 ก.ย. 2568 |